วิธีการสังเกตเหล็กกล่อง คุณภาพ มอก.

Last updated: 18 ต.ค. 2566  |  611 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีเลือกเหล็กกล่อง

แนะนำวิธีเลือกเหล็กกล่องที่ได้มาตรฐาน ให้เหมาะกับงานก่อสร้างทุกประเภท

ในงานก่อสร้างทุกประเภท การที่จะมองหาวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ทำโครงสร้างนั้นก็จะมีตัวเลือกที่แตกต่างออกไปทั้งงานคอนกรีต งานไม้ หรืองานเหล็ก ซึ่งวัสดุเหล่านี้ต่างก็สามารถรับน้ำหนักได้ดีและสามารถใช้ทดแทนกันได้ในบางกรณี เหล็กกล่องก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุอุปกรณ์ที่นิยมนำมาใช้ทำโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างหลังคา โครงสร้างบ้าน อาคารหรือสะพาน แต่การเลือกเหล็กกล่องมาใช้ในงานก่อสร้าง จะต้องสังเกตมาตรฐานให้ดีว่ามีการรองรับทาง มอก. หรือไม่ เพราะถ้าหากเป็นเหล็กกล่องทั่วไป เมื่อนำมาใช้งานในระยะยาวก็อาจจะเสื่อมสภาพได้เร็วและเกิดสนิมได้ง่าย เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการสังเกตเหล็กกล่องที่มีคุณภาพ มอก. และสามารถใช้กับงานก่อสร้างได้ทุกประเภท


ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการสังเกตเหล็กกล่องที่มีมาตรฐานมอก. เรามาทำความรู้จักกับมอก. กันก่อนเลยดีกว่าว่าคืออะไร มอก. ย่อมาจากคำว่า มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งหมายถึงข้อกำหนดทางวิชาการที่ทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือที่เราเรียกสั้นๆว่า สมอ. ได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการ ที่ต้องการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยข้อมูลที่สำคัญของมอก.ก็คือจะต้องรู้ข้อมูลของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ว่าผลิตจากวัสดุใด มีคุณสมบัติที่สำคัญอย่างไร และสามารถนำไปใช้งานจริงได้อย่างไ รรวมไปถึงคุณภาพและต้องมีวิธีการทดสอบเบื้องต้นด้วย


แล้วมอก. นั้นสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องเลือกเหล็กกล่องที่มีมาตรฐานมอก. ในเมื่อเราเองก็สามารถเลือกซื้อเหล็กกล่องทั่วไปได้ สำหรับประโยชน์และความสำคัญของเหล็กกล่องที่มีมาตรฐานมอก. มีทั้งประโยชน์ต่อตัวผู้ผลิตเอง ประโยชน์ต่อลูกค้า รวมไปถึงประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งผลประโยชน์ที่ผู้ผลิตจะได้รับจากการใช้เหล็กกล่องมาตรฐานมอก. ก็คือจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทำให้สินค้านั้นมีคุณภาพ ลดขั้นตอนการทำงานรวมไปถึงเพิ่มโอกาสในทางการค้าของหน่วยราชการที่ต้องกำหนดให้สินค้านั้นต้องได้รับเครื่องหมายมอก.


ส่วนประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากการเลือกซื้อเหล็กกล่องที่ได้มาตรฐานมอก. ก็คือ จะสร้างความปลอดภัยให้กับงานก่อสร้าง ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สร้างความมั่นใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายได้ง่าย ช่วยให้เราเลือกตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นและที่สำคัญหากเหล็กกล่องเกิดการชำรุดก็สามารถหาอะไหล่แทนได้ง่าย เพราะสินค้ามาตรฐานมอก. จะวางขายอยู่ทั่วไป และสุดท้ายประโยชน์สำหรับส่วนรวมก็คือช่วยในการป้องกันสินค้าที่มีคุณภาพต่ำที่มีการลักลอบเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังประหยัดการใช้ทรัพยากรของชาติ ทำให้มีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดและที่สำคัญทำให้เกิดความยุติธรรมในการซื้อขายทำให้หลายๆ ธุรกิจหันมาจดทะเบียนมอก. กันมากขึ้น


วิธีเลือกเหล็กกล่องที่ได้มาตรฐาน ให้เหมาะกับงานก่อสร้าง

วิธีเลือกเหล็กกล่องให้ได้มาตรฐาน จะต้องตรวจสอบคุณภาพของเหล็กกล่องที่จะนำมาใช้งานว่ามีประสิทธิภาพดีพอหรือไม่ โดยจะต้องตรวจสอบขนาดของเหล็กกล่องว่ามีขนาดและน้ำหนักเหมาะสมกับงานที่คุณต้องการหรือไม่ ซึ่งเหล็กกล่องที่มีคุณภาพจะต้องมีความยาวอยู่ที่ 6 เมตรพอดี สังเกตคุณภาพของเหล็ก โดยดูว่ามีเครื่องหมายมอก. อยู่หรือไม่ เนื่องจากถ้าหากเลือกเหล็กกล่องที่ไม่มีเครื่องหมายมาตรฐานมอก. หรือไม่ได้คุณภาพอาจจะก่อให้เกิดสนิม ชำรุดได้ง่าย รองรับน้ำหนักได้น้อยลง และสุดท้ายก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งาน


นอกจากนี้ถ้าหากคุณเป็นคนเลือกซื้อเหล็กกล่องด้วยตนเอง จะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญคือขนาดหน้าตัดของเหล็กกล่อง คุณต้องวัดหน้างานให้ดีก่อนว่าใช้หน่วยเป็นนิ้วหรือมิลลิเมตรเพราะเหล็กกล่องมีให้เลือกอยู่ 2 ประเภทคือแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสและแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีความแตกต่างในการใช้งาน ประการที่ 2 คือจะต้องเช็กความหนาของเหล็กกล่อง เพราะความหนามีผลต่อความทนทานของโครงสร้าง ถ้าหากใช้เหล็กกล่องที่มีความหนาน้อยลงมาอาจจะทำให้รับน้ำหนักได้ไม่ดี และทำให้การก่อสร้างนั้นผิดพลาดได้ และที่สำคัญจะต้องทราบจำนวนเหล็กกล่องที่ต้องการใช้อย่างชัดเจนหากสั่งซื้อแบบน้อยไปหรือมากไปก็จะทำให้เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง

 

วิธีการสังเกตเหล็กกล่องที่ผ่านการจดทะเบียนสินค้า มอก. แล้ว

เมื่อเราต้องการเลือกซื้อเหล็กกล่องไม่ว่าจะเป็นตามร้านขายปลีก ขายส่ง หรือที่โรงงานใหญ่ๆ สามารถเลือกดูได้ด้วยตนเองเลยว่าเหล็กกล่องประเภทไหนที่มีการจดทะเบียนสินค้ามอก. โดยมีวิธีสังเกตข้อมูลง่ายๆ ดังนี้

  1. บนผลิตภัณฑ์จะมีชื่อโรงงานหรือชื่อผู้ผลิตอย่างชัดเจน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษรวมถึงที่ตั้งของโรงงานด้วย

  2. บนผลิตภัณฑ์จะมีมาตรฐานที่รองรับประกอบอยู่ด้วยเช่น TIS 111-1111

  3. เหล็กกล่องที่ได้มาตรฐาน จะมีข้อมูลวัสดุที่ใช้ผลิตประกอบอยู่ด้วย เช่น เกรดของเหล็กที่ใช้ผลิตว่าเป็นเหล็กประเภทใด สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีหรือไม่

  4. ขนาดและความหนาของเหล็กกล่องที่ได้มาตรฐาน และนิยมใช้ในงานก่อสร้างจะถูกกำกับอยู่บนผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน โดยขนาดที่จะพบได้บ่อยๆ คือ 50*25 มม. หนา 2.3 / 3.2 มม. , 75*38 มม. หนา 2.3 / 3.2 มม. และ 100*50 มม. หนา 2.3 / 3.2 มม.

  5. สุดท้ายจะต้องมี Lot Number หรือรอบการผลิตแจ้งไว้เสมอนั่นเอง

 

สรุปได้ว่าการเลือกซื้อเหล็กกล่องที่มีเครื่องหมายมาตรฐานมอก. มีข้อดีมากมาย และแน่นอนว่าจะต้องมีประสิทธิภาพมากกว่าเหล็กกล่องที่ไม่มีเครื่องหมายมอก. หรือไม่มีมาตรฐานใดๆ รองรับ เพราะอาจจะก่อให้เกิดอันตรายในการใช้งานได้ เนื่องจากเหล็กกล่องที่ไม่ได้คุณภาพจะมีความหนาน้อยกว่า จึงทำให้ไม่สามารถรองรับน้ำหนักในการก่อสร้างได้ดี ไม่สามารถใช้แทนปูนหรือไม้ได้จริง เหล็กกล่องประเภทนี้ถึงแม้จะสามารถนำมาทำรั้วหรือประตูได้แต่ไม่สามารถทำโครงสร้างหลังคาได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกซื้อเหล็กกล่องที่มีมาตรฐานมอก. จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งทาง บริษัท โฮมแมทเทอร์ จำกัด เป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายเหล็กกล่องและวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้านที่รองรับมาตรฐานมอก. ทุกตัว สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังมีให้เลือกหลายขนาดพร้อมทั้งให้คำปรึกษาได้ทุกขั้นตอน


บริษัท โฮมแมทเทอร์ จำกัด บริษัทผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สร้างบ้าน อุปกรณ์โซล่าเซลล์ รับติดตั้งโซล่าเซลล์ แผงโซล่าเซลล์ ราคาคุ้มค่า และอุปกรณ์สมาร์ทโฮม อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีแบบใหม่ล่าสุดเพื่อรองรับบ้านแบบ Smart Home ยุคใหม่ตอบโจทย์ผู้ที่อยากมีบ้านแบบทันสมัยพร้อมส่งสินค้าที่ได้คุณภาพและมีมาตรฐานรองรับถึงมือคุณ จัดส่งถึงที่ให้คำปรึกษาฟรีพร้อมทั้งบริการหลังการขายอย่างทั่วถึง


เหล็กกล่องคุณภาพ ถูกต้องตามมาตรฐาน มอก.
โดย บริษัท โฮมแมทเทอร์ จำกัด
โทรศัพท์ : 082-614-1942
LINE : https://line.me/ti/p/@homematter8
Facebook : https://www.facebook.com/homematter888
E-Mail : homematter888@gmail.com

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้